วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ทำงานออนไลน์กับพวกเรา TTipTop Team



สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ที่สนใจธุรกิจโกลบอล ริช คลับ (Global Rich Club) ทุกท่าน ที่ผ่านเข้ามาอ่านหรือศึกษาข้อมูล ก็อย่างที่เพื่อนๆ บางท่านคงทราบกันแล้วว่าช่วงที่ผ่านมาประมาณ 2 ปี ที่ Global Rich Club ประเทศไทยของเรานั้น ได้ใช้เวบไซต์ grcthai ในการทำงาน และทางพี่ ๆ ทีมงานของเราไม่เคยหยุดพัฒนาด้านบริการ และการสนับสนุนที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เพื่อสร้างความมั่นใจในการทำธุรกิจให้กับสมาชิกทุกท่าน  ทางพี่ ๆ ทีมงานของเราได้มีการพัฒนาระบบเวบไชต์อย่างไม่หยุดยั้ง จึงทำให้พวกเราเหล่าสมาชิกได้มีเวบไซต์ใหม่ (TTipTop) ที่มีความทันสมัยมากขึ้นมาใช้ในการทำงานกัน ฝ้ายจึงอยากอธิบายสั้น ๆ ง่าย ๆ ให้เพื่อนได้รู้จักกัน

TTipTop คือ เว็ปไซค์ขยายงานในการสร้างธุรกิจใน งานออนไลน์ 100% ของโกลบอล ริช คลับ (Global Rich Club) ที่ให้บริการด้านห้องพัก โรงแรมกับสมาชิกทุกๆคน และที่สำคัญหลายคนที่เป็นสมาชิกได้พิสูจน์แล้วว่าระบบนี้สามารถสร้างรายได้ แบบไร้ขีดจำกัด มีชีวิตที่ปลอดหนี้ อยู่อย่างไร้กังวล จากการทำงานอยู่ที่บ้าน โดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ไม่ต้องเดินทางไป ประชุมหรืออบรมที่ไหน? สามารถเรียนรู้ระบบงานด้วยการประชุมออนไลน์ และทำงานจากที่บ้านของคุณเอง

ระบบการทำงาน TTT(Triple-T System) ที่ทันสมัย
งานออนไลน์ที่ทุกคนทำได้ง่าย ๆ ด้วยแผนการตลาดของบริษัทเราและระบบการทำงานที่สุดยอดทรงพลังที่สุด สามารถช่่วยคุณทำงานให้ประสบความสำเร็จและสร้างความฝันของคุณให้เป็นจริงได้ อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหน ระบบการทำงาน TTT (Triple-T System) ของเราจะช่วยเหลือให้คุณทำงานได้ตลอดวัน 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด และทีมงานของเรายังคงพัฒนาระบบอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อความสำเร็จของคุณตลอดไป

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คุณพร้อมหรือยังที่จะเข้ามาเป็นครอบครัวกับพวกเรา
คุณพร้อมหรือยัง ที่จะเข้าร่วมธุรกิจออนไลน์กับบริษัทที่ให้ความสนับสนุนการทำงานของคุณอย่าง แท้จริง เพื่อสร้างรายได้ไร้ขีดจำกัดอย่างต่อเนื่องให้กับคุณไปตลอดชีวิต คุณจะได้เรียนรู้วิธีการแปลกๆใหม่ๆ ในการสร้างความฝันของคุณให้เป็นจริง ทั้งในด้านการพักผ่อนอย่างมีความสุขกับ
ครอบครัว และการดำเนินชีวิตอย่างมีอิสรภาพในทุกๆด้านอย่างไร้กังวล

มาร่วมกันสร้างงานสร้างฝันออนไลน์เดินบนเส้นทางสู่ความสำเร็จ ที่พวกเราได้เตรียมไว้ให้กับคุณแล้วอย่างสะดวกสบายกับการทำงานอยู่ที่บ้าน ออกแบบชีวิตการทำงานของคุณเองในสไตล์หลากหลาย ที่พวกเราได้จัดเตรียมไว้อย่างเพียบพร้อม สำหรับคุณในการสร้างโอกาสรายได้และขยายธุรกิจของคุณด้วยความมั่นใจ

นี่คือ... หน้าตาของเวบไซต์ (TTipTop) ของฝ้าย เมื่อเพื่อน ๆ เข้าไปสู่เวบไซต์ของฝ้าย  http://www.tipfai.com ก็จะเจอหน้านี้ค่ะ

 ขอเชิญเพื่อน ๆ ทุกท่านเข้าเยี่ยมชม website ส่วนตัวของฝ้ายได้ โดยสามารถคลิ๊กที่รูป Logo TTipTop ด้านล่างนี้และถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถกรอกรายละเอียดส่วนตัวในช่องว่างด้านซ้ายมือนะคะ (กรณียังไม่เคยกรอกชื่อเข้ามา)

 
ฝ้ายสัญญาว่าจะนำเสนอเรื่องราวของ GlobalRich Club ในทุก ๆ เรื่องที่เป็นความจริงทั้งหมดค่ะ สามารถปรึกษาฝ้ายได้ที่
คุณฝ้าย (tfai)
Tel.  : 086-1927194

Facebook Fanpage : http://www.facebook.com/GRCtfai

===================================================


หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจในธุรกิจ
 Global Rich Club ฝ้ายขอแนะนำให้ศึกษาในหัวข้อต่อไปนี้ค่ะ








วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

วันเด็กแห่งชาติ



คนทุกคนมีหน้าที่ต้องทำ แม้เป็นเด็กก็มีหน้าที่อย่างเด็ก คือศึกษาเล่าเรียน หมายความว่า จะต้องเรียนให้รู้วิชา ฝึกหัดทำการงานต่าง ๆ ให้เป็น อบรมขัดเกลาความประพฤติและความคิดจิตใจให้ประณีต ให้สุจริต แจ่มใส และเฉลียวฉลาดมีเหตุผล เพื่อจักได้เติบโตขึ้นเป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถและประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง.
พระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ่าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
พระราชทานเพื่อเชิญลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ประจำปี 2535
        หลังจากผ่านวันขึ้นปีใหม่มาหลายวันนี่ก็ใกล้จะถึง “วันเด็กแห่งชาติ” แล้ว ตามที่รู้ ๆ กันอยู่ว่าวันเด็กของทุกปีจะตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม ฝ้ายจึงอยากขอให้ความสำคัญกับวันนี้ด้วยวันหนึ่ง ซึ่งฝ้ายคิดว่า เด็ก ๆ นั้นมีความสำคัญต่ออนาคตของประเทศชาติเป็นอย่างมากจริง ๆ ฝ้ายจึงศึกษาและขอนำข้อมูลเกี่ยวกับวันเด็กแห่งชาติ มาลงเป็นบทความ ซึ่งฝ้ายคิดว่าคงจะมีทั้งเด็ก ๆ และผู้ใหญ่บางท่านที่อาจจะยังไม่รู้ว่า วันเด็กแห่งชาตินี้เกิดขึ้นมาอย่างไร หรือควรให้ความสำคัญกับวันนี้อย่างไรบ้าง ลองมาศึกษาเพื่อจะได้เป็นความรู้กันเอาไว้นะคะ
       ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้ความหมายของคำว่า "เด็ก" ไว้ คือ "เด็ก" หมายถึง คนที่มีอายุยังน้อย ยังเล็ก อ่อนวัน เช่น เด็กชาย คือ คำนำเรียกเด็กผู้ชายที่มีอายุไม่เกิน 14 ปีบริบูรณ์ และ เด็กหญิง คือ คำนำเรียกเด็กผู้หญิงที่มีอายุไม่เกิน 14 ปี บริบูรณ์
ประวัติวันเด็กแห่งชาติ
ย้อนไป พ.ศ.2498 ได้เกิดปฏิญญาว่าด้วยสิทธิเด็กขึ้นโดยองค์การสหประชาชาติทั่วโลกเกิดความ ตื่นตัวและเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะให้ความสำคัญแก่เด็กๆ ของตนมากขึ้น การขานรับเป็นไปอย่างกว้างขวาง ในปีเดียวกันนั้นเองทั่วโลกไม่น้อยกว่า 40 ประเทศ จัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติของตนขึ้น โดยกำหนดกันว่าจะถือเอาวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปี เป็นวันเด็กแห่งชาติ  สำหรับประเทศไทย รับข้อเสนอของนายวี เอ็ม กุลกานี ผู้แทนองค์กรสมาพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศ ซึ่งบอกผ่านมาทางกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทยว่าไทยควรจัดงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเห็นความสำคัญของเด็กให้มากขึ้น ดังที่นานาประเทศกำลังทำอยู่คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมแห่งชาตินำเรื่องเข้าสู่ ที่ประชุม ในที่สุดที่ได้รับมติเห็นชอบนำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ในต่อมาวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ.2498คณะรัฐมนตรีมีมติรับหลักการให้จัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้น มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการ รับไปดำเนินการส่วนค่าใช้จ่ายในการจัดงานได้อนุมัติเงินจากกองสลากกินแบ่งรัฐบาลมาดำเนินการ
3 ตุลาคม พ.ศ.2498 คือวันเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติครั้งแรกของประเทศไทย จากนั้นเป็นต้นมาราชการได้กำหนดวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปี เป็นวันเด็กแห่งชาติ จัดติดต่อกันมาจนถึงปี 2506 ที่ประชุมคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติในปีนั้นมีความเห็นพ้องต้องกันว่า สมควรที่จะเสนอเปลี่ยนวันจัดงานวันเด็กแห่งชาติเสียใหม่ เพื่อความเหมาะสม ด้วยเหตุผลว่าเดือนตุลาคมสำหรับประเทศไทย เป็นเดือนที่ยังอยู่ในฤดูฝน มีฝนตกมาก เด็กๆไม่สะดวกในการเดินทางมาร่วมงาน นอกจากนี้วันจันทร์เป็นวันปฏิบัติงานของผู้ปกครองจึงไม่สามารถพาเด็กของตนไป ร่วมงานได้ ทั้งการจราจรก็ติดขัดจึงเห็นว่าควรจะเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่สองของเดือน มกราคม
เสียทุกสิ่งทุกอย่าง ได้สะดวกสบายขึ้นและมีความเหมาะสมมากกว่าคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ตามที่คณะกรรมการจัดงานวัดเด็กแห่งชาติเสนอมา
ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2507 จึงประกาศเปลี่ยนงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ จากวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม เป็นวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคม ด้วยเหตุนี้ปี 2507 จึงไม่มีงานวันเด็กแห่งชาติด้วยการประกาศเปลี่ยนได้เลยวันมาแล้ว งานวันเด็กแห่งชาติเริ่มจัดขึ้นใหม่อีกครั้งในปี 2508 เรื่อยมาถึงปัจจุบัน

วัตถุประสงค์การจัดงานวันเด็กแห่งชาติ
         สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ที่รัฐบาลไทยกำหนดไว้ คือ เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็ก สนใจในการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเด็ก และช่วยเหลือสงเคราะห์เด็กเป็นพิเศษ เพื่อให้เด็กและและเยาวชนยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพื่อให้เด็กรู้จักหน้าที่ของตนและอยู่ในระเบียบวินัยอันดี และเพื่อเผยแพร่ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิของเด็ก

         นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่า ทุก ๆ ปี ในวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะพระราชทานพระบรมราโชวาท สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงโปรดประทานพระคติธรรม และ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีจะมอบคำขวัญวันเด็ก แสดงให้เห็นว่าเด็กเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ามากที่สุดของชาติ เราจึงได้ยินคำพูดอยู่บ่อย ๆ ว่า "
เด็กคืออนาคตของชาติ เด็กฉลาด ชาติเจริญ"
คำขวัญวันเด็ก
         คำขวัญที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กไทย เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของทุกปี โดยคำขวัญวันเด็กมีขึ้นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2499 ในสมัยที่จอมพล ป.พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตั้งแต่ พ.ศ. 2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ให้คุณค่าความสำคัญของเด็ก จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคติเตือนใจสำหรับเด็ก ปีละ 1 คำขวัญ (ก่อนถึงวันเด็กแห่งชาติ) นายกรัฐมนตรีสมัยต่อมา จึงได้ถือเป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งมีดังนี้ค่ะ
พ.ศ. 2499 - จอมพล ป.พิบูลสงคราม : จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม
พ.ศ. 2502 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ : ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า
พ.ศ. 2503 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ : ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด
พ.ศ. 2504 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ : ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย
พ.ศ. 2505 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ : ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด
พ.ศ. 2506 - จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ : ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด
พ.ศ. 2507 - ไม่มีคำขวัญ เนื่องจากงดการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ
พ.ศ. 2508 - จอมพล ถนอม กิตติขจร : เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี
พ.ศ. 2509 - จอมพล ถนอม กิตติขจร : เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น และสมานสามัคคี
พ.ศ. 2510 - จอมพล ถนอม กิตติขจร : อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย
พ.ศ. 2511 - จอมพล ถนอม กิตติขจร : ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาดและรักชาติยิ่ง
พ.ศ. 2512 - จอมพล ถนอม กิตติขจร : รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ
พ.ศ. 2513 - จอมพล ถนอม กิตติขจร : เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส
พ.ศ. 2514 - จอมพล ถนอม กิตติขจร : ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ
พ.ศ. 2515 - จอมพล ถนอม กิตติขจร : เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ
พ.ศ. 2516 - จอมพล ถนอม กิตติขจร : เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ
พ.ศ. 2517 - นายสัญญา ธรรมศักดิ์ : สามัคคีคือพลัง
พ.ศ. 2518 - นายสัญญา ธรรมศักดิ์ : เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี
พ.ศ. 2519 - หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช : เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้
พ.ศ. 2520 - นายธานินทร์ กรัยวิเชียร : รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย
พ.ศ. 2521 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ : เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ
พ.ศ. 2522 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ : เด็กไทยคือหัวใจของชาติ
พ.ศ. 2523 - พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ : อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
พ.ศ. 2524 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ : เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม
พ.ศ. 2525 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ : ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
พ.ศ. 2526 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ : รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัยและคุณธรรม
พ.ศ. 2527 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ : รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดีมีความคิด สุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา
พ.ศ. 2528 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ : สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม
พ.ศ. 2529 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ : นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ. 2530 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ : นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ. 2531 - พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ : นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ. 2532 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ : รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ. 2533 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ : รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ. 2534 - พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ : รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา
พ.ศ. 2535 - นายอานันท์ ปันยารชุน : สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม
พ.ศ. 2536 - นายชวน หลีกภัย : ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. 2537 - นายชวน หลีกภัย : ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. 2538 - นายชวน หลีกภัย : สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. 2539 - นายบรรหาร ศิลปอาชา : มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด
พ.ศ. 2540 - พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ : รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด
พ.ศ. 2541 - นายชวน หลีกภัย : ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย
พ.ศ. 2542 - นายชวน หลีกภัย : ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย
พ.ศ. 2543 - นายชวน หลีกภัย : มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย
พ.ศ. 2544 - นายชวน หลีกภัย : มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย
พ.ศ. 2545 - พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร : เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคตที่สดใส
พ.ศ. 2546 - พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร : เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี
พ.ศ. 2547 - พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร : รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดีๆ อนาคตดีแน่นอน
พ.ศ. 2548 - พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร : เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด
พ.ศ. 2549 - พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร : อยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด
พ.ศ. 2550 - พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ : มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข
พ.ศ. 2551 - พลเอก สุรยุธ์ จุลานนท์ : สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม
พ.ศ. 2552 - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ : ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคี
พ.ศ. 2553 - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ : คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม
พ.ศ. 2554 - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ : รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ
พ.ศ. 2555 - ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร : สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี
พ.ศ. 2556 - ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร : รักษาวินัย ใฝ่เรียนรู้ เพิ่มพูนปัญญา นำพาไทยสู่อาเซียน

กิจกรรมวันเด็ก
          จะเห็นว่ากิจกรรมต่าง ๆ ที่ปฏิบัติในวันเด็กแห่งชาติ  ล้วนมีจุดประสงค์ไปในทางเดียวกัน คือทุกสังคมให้ความสำคัญแก่เด็ก และจัดให้มีวันเด็กขึ้นทุกปี เพื่อ
          - ให้เด็กได้ตระหนักถึงคุณค่าบทบาท และความสำคัญของตนเอง จะได้ประพฤติปฏิบัติตนให้สมกับเป็นผู้ที่มีความสำคัญของประเทศชาติ ด้วยการตั้งใจใฝ่ศึกษาเรียนรู้ ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในระเบียบวินัย รู้จักการใช้เวลา ความคิด มีความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ และซื่อสัตย์สุจริต ฯลฯ
          - เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น ในโรงเรียน หมู่บ้าน หรือหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน จัดขึ้น
          เด็ก คือ ทรัพยากรที่สำคัญยิ่งของประเทศชาติ ซึ่งจะเป็นกำลังที่สำคัญในการพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า และมั่นคงอีกทั้งเป็นผู้ที่จะต้องเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เพื่อทำหน้าที่ดูแลสังคมตลอดจนเศรษฐกิจ วัฒนธรรม ความเปลี่ยนแปลง และอื่น ๆ  ซึ่งจะเห็นได้ว่า กิจกรรมที่จัดเป็นต้นว่า การจัดประชุม สัมมนา ในเรื่องบทบาทและหน้าที่ของเด็กที่พึงปฏิบัติต่อสมาชิกในครอบครัว หรืออาจจะมีการจัดกิจกรรมพิเศษสำหรับเด็ก มอบของขวัญในโอกาสวันสำคัญนี้ให้แก่เด็ก ๆ ที่มีความประพฤติดี และ กิจกรรมอื่น ๆ ที่เหมาะสม ทุกถิ่นจะมีคำเชื้อเชิญเพราะ ๆ มีคำอวยพรให้เด็กๆ เป็นวันที่เด็ก ๆ มีสิทธิพิเศษ ถนนทุกสาย เปิดพื้นที่ให้เด็กๆ หรือร่วมกันทำกิจกรรม ในแต่ละชุมชนเพื่อเด็กๆ จัดบรรยากาศเพื่อเด็ก ๆ เพลงเด็ก ๆ  ฯลฯ
           สำหรับใครที่กำลังคิดอยู่ว่าปีนี้จะพาลูก ๆ หลาน ๆ ไปเที่ยวที่ไหน หรือน้อง ๆ คนไหนกำลังคิดจะชวนคุณพ่อคุณแม่ออกไปทำกิจกรรมวันเด็กสนุก ๆ นอกบ้าน สามารถดูข้อมูลการ รวบรวมสถานที่จัดงานวันเด็กปี 2556 ซึ่งฝ้ายเห็นว่า กระปุกดอทคอม ได้รวบรวมรายละเอียดและสถานที่จัดงานได้ครอบคุมทั้งประเทศ เลยอยากแนะนำให้ลองดูว่าบ้านของท่านอยู่ใกล้ที่ไหนก็สามารถจะพาบุตรหลานของท่านไปร่วมกิจกรรมได้ค่ะ
หน้าที่ของเด็ก
เพลง หน้าที่ของเด็ก หรือเรียกกันติดปากว่าเพลง เด็กเอ๋ยเด็กดี เป็นเพลงที่มีเนื้อหาเตือนใจเด็กและเยาวชน เพื่อให้ระลึกถึงสิ่งที่ตนควรทำ ประพันธ์เนื้อร้องโดย ชอุ่ม ปัญจพรรค์ และทำนองโดย เอื้อ สุนทรสนาน เพลงนี้มักเปิดในช่วงวันเด็กแห่งชาติ

จุดกำเนิดของเพลง "หน้าที่ของเด็ก"
สำหรับเพลง "หน้าที่ของเด็ก" หรือเพลง "เด็กเอ๋ยเด็กดี" นี้ ประพันธ์คำร้องโดย ชอุ่ม ปัญจพรรค์ นักเขียนนวนิยายชื่อดังคนหนึ่งของไทย ซึ่งท่านเป็นพี่สาวของอาจินต์ ปัญจพรรค์ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2534
ครูชอุ่ม ได้เล่าถึงที่มาของเพลง "หน้าที่ของเด็ก" ว่า ในอดีต เมื่อ ปี พ.ศ. 2498 ทางสหประชาชาติได้ ประกาศปฏิญญาสากลว่าด้วยหน้าที่ของเด็ก โดยนาย วี.เอ็ม. กุลกานี ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ ได้เชิญชวนให้ทุกประเทศทั่วโลกร่วมจัดงานวันเด็ก เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ
รัฐบาลไทย ซึ่งมี จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จึงได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศ ทั้งในระบบโรงเรียนและ นอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ และ ศาสนา
ครูชอุ่ม ปัญจพรรค์ ซึ่งท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติคนหนึ่ง ของกระทรวงศึกษาธิการ จึงได้นำเนื้อหาดังกล่าว มาแต่งเป็นกลอนให้คล้องจองกัน และขอให้ครูเอื้อ สุนทรสนานแต่งทำนองให้ จากนั้น ก็ได้มีการนำเพลงนี้ ไปเปิดทางสถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ ในวันเด็กแห่งชาติทุกปี จนถึงทุกวันนี้ 

เนื้อเพลง
เด็กเอ๋ยเด็กดี
ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
เด็กเอ๋ยเด็กดี
ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
หนึ่ง นับถือศาสนา
สอง รักษาธรรมเนียมมั่น
สาม เชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์
สี่ วาจานั้นต้องสุภาพอ่อนหวาน
ห้า ยึดมั่นกตัญญู
หก เป็นผู้รู้รักการงาน
เจ็ด ต้องศึกษาให้เชี่ยวชาญ
ต้องมานะบากบั่น ไม่เกียจไม่คร้าน
แปด รู้จักออมประหยัด
เก้า ต้องซื่อสัตย์ตลอดกาล
น้ำใจนักกีฬากล้าหาญ
ให้เหมาะกับกาลสมัยชาติพัฒนา
สิบ ทำตนให้เป็นประโยชน์
รู้บาปบุญคุณโทษ สมบัติชาติต้องรักษา
เด็กสมัยชาติพัฒนา
จะเป็นเด็กที่พาชาติไทยเจริญ
เด็กเอ๋ยเด็กดี
ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
เด็กเอ๋ยเด็กดี
ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
(ซ้ำตั้งแต่ต้นอีกครั้ง)

คติธรรมคำสอนที่ควรส่งเสริม
หน้าที่ของผู้ปกครองหรือพ่อแม่ที่ควรมีต่อเด็ก
       หากย้อนไปในวัยเด็ก หลายคนอาจฟังคำสอนของพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ และคงแอบคิดว่า นั่นคือ การบ่น แต่เมื่อโตมาและได้เข้าสู่โลกแห่งการทำงาน หลายครั้งที่คำสอนของพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่กลับใช้ได้จริงมากกว่าตำราเรียน แถมบางครั้งช่วยให้ลูกได้เติบโตก้าวหน้ามากกว่าความรู้ในมหาวิทยาลัยเสียอีก แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบัน พ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ บางคนก็ลดความเคร่งครัดในการอบรมสั่งสอน รวมถึงการตั้งกฎระเบียบภายในบ้านลง ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ทั้งไม่มีเวลา เบื่อ ลูกหลาน ไม่ปฏิบัติตาม วันนี้ฝ้ายจึงขอย้ำถึงความสำคัญกันอีกครั้ง ว่า กฎที่พ่อแม่ ญาติ ผู้ใหญ่ ตั้งนั้นสำคัญต่อชีวิตของลูกหลาน หรือเด็ก ๆ อย่างไร ดังนี้

       1.ทำให้เด็กทราบว่าสิ่งใดเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม เช่น การห้ามไม่ให้พูดคำหยาบ ห้ามไม่ให้ฆ่าสัตว์ ห้ามลักเล็กขโมยน้อย ห้ามเอาเปรียบคนอื่น หรือง่ายๆ แค่ศีล 5 ก็สามารถใช้สอนได้ ซึ่งข้อห้ามเหล่านี้ หากคุณพ่อคุณแม่ หรือญาติผู้ใหญ่ ไม่อบรมสั่งสอนให้เด็กทราบถึงความควรไม่ควรปล่อยให้ลูกทำได้ โดยอิสระเสรี อนาคตของเด็กๆ คงน่ากังวลมากทีเดียว

       2.ทำให้เด็กได้คิดก่อนทำ เพราะคำสอนของพ่อแม่ และผู้ใหญ่นั้นสำคัญมาก แม้ในวันที่พวกเขาได้ยินอาจเกิดความรู้สึกต่อต้าน อยากฝ่าฝืนคำสั่งเหล่านั้น แต่หากมีสถานการณ์ให้พวกเขาต้องตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ทำดี อย่างน้อย การมีคำสอนของพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่อยู่ในสมอง จะทำให้เด็กฉุกคิดก่อนที่จะกระทำได้

       3.ลดโอกาสที่เขาจะเติบโตกลายเป็นเด็กที่เอาแต่ใจ หรือคิดว่าตนเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล เพราะคำสอนของพ่อแม่ ญาติ ผู้ใหญ่ ที่สอนให้เด็ก ๆ มีระเบียบวินัยและมีความรับผิดชอบจะทำให้ เด็กรู้จักอดทนรอคอย ไม่ใช่คนที่ต้องการสิ่งใดก็ต้องได้เดี๋ยวนั้น ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วจะกลายเป็นภาระของคนรอบข้าง

       4.ทำให้เขาสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุข เพราะคำสอนของพ่อแม่ ญาติ ผู้ใหญ่ ที่สอนให้เขามีระเบียบวินัยนั้นจะทำให้เด็กรู้จักรับผิดชอบชีวิต รู้จักแบ่งเวลา และสามารถบริหารจัดการสิ่งต่างๆ ในชีวิตได้อย่างสมดุล

       ทั้งนี้ การอบรมเลี้ยงดูให้เด็กเป็นคนมีระเบียบวินัยนั้นควรเริ่มจากการฝึกความรับผิดชอบ เช่น การมอบหมายงานบ้าน หรืองานที่เด็ก ๆ สามารถทำได้ให้ และควรให้เด็กรับผิดชอบต่อหน้าที่นั้นๆ อย่างเคร่งครัด เด็ก รุ่นใหม่หลายคนมักไม่ได้รับโอกาสนี้ เพราะพ่อแม่ส่วนหนึ่งเห็นว่าลูกๆ ควรมีหน้าที่ตั้งใจเรียนอย่างเดียว งานบ้านไม่ต้องรับผิดชอบก็ได้ หรือเห็นว่าลูกเรียนหนักแล้ว หากมาทำงานบ้านด้วยจะเหนื่อยเกินไป เด็กหลายคนในยุคนี้จึงขาดโอกาสฝึกทักษะนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
สารจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ


พระวรธัมโมวาท




        เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วฝ้าย ขอสรุปว่าผู้ใหญ่จำเป็นต้องรู้ถึงหน้าที่ของตัวเองในการที่จะต้องอบรมสั่งสอนให้ลูกหลาน  หรือเด็ก ๆ ได้รู้ถึงบทบาทและหน้าที่ของเด็ก ๆ ว่าตัวเด็กนั้นมีบทบาทหน้าที่ของตัวเองอะไรบ้าง และส่วนเด็ก ๆ ก็ต้องเรียนรู้ถึงบทบาทหน้าที่ของตัวเองและนำเอาไปใช้ และปฏิบัติตามแต่กาลเวลา และสุดท้ายเมื่อทุกคนรู้ถึงบทบาทและหน้าที่ของตัวเองแล้วละก็ฝ้ายเชื่อว่า เด็ก ๆ จะมีสังคมที่น่าอยู่ และสามารถจะสร้างและพัฒนาประเทศชาติให้พัฒนาไปในทางที่ดีได้แน่นอนค่ะ

 รูปโลโก้วันเด็กแห่งชาติประจำปี 2556

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

สำหรับใครที่ต้องการเข้าเยี่ยมชม website ส่วนตัวของฝ้าย สามารถคลิ๊กที่รูป Logo TTipTop ด้านล่างนี้และถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถกรอกรายละเอียดส่วนตัวในช่องว่างด้านซ้ายมือนะคะ  (กรณียังไม่เคยกรอกชื่อเข้ามา)
ฝ้ายสัญญาว่าจะนำเสนอเรื่องราวของ GlobalRich Club ในทุก ๆ เรื่องที่เป็นความจริงทั้งหมดค่ะ สามารถปรึกษาฝ้ายได้ที่
คุณฝ้าย (tfai)
Tel.  : 086-1927194

Facebook Fanpage : http://www.facebook.com/GRCtfai

===================================================

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจในธุรกิจ
 Global Rich Club ฝ้ายขอแนะนำให้ศึกษาในหัวข้อต่อไปนี้ค่ะ